อย่างไรก็ตาม วันนั้นกลับกลายเป็นวันที่ลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและไล่ทันสถิติ 20 สมัยของยูไนเต็ด ซึ่งทำให้แฟนบอลหลายคนรู้สึกสะเทือนใจ

อดัม เบลล์ แฟนบอลรุ่นเก๋าที่เชียร์ทีมตั้งแต่ปี 1973 กล่าวว่า “มันสำคัญมากที่เราไปถึง 20 แชมป์ก่อน ตอนนี้พวกเขาไล่ทัน และน่าเศร้าที่ลิเวอร์พูลมีโอกาสไปถึง 21 หรือ 22 มากกว่าเรา”

อันดรูว์ แฮร์ริส เพื่อนของเบลล์ มองว่า สิ่งที่ยูไนเต็ดเผชิญตอนนี้ก็เคยเกิดขึ้นในอดีต หลังยุคทีมบัสบี้และช่วงปี 1968 ทีมก็เงียบไปในยุค 70 และ 80 ก่อนที่เฟอร์กูสันจะมาฟื้นฟูอีกครั้ง “ตอนนี้เราอยู่ในยุคน้ำแข็งถัดไป” เขากล่าว

รูเบน อาโมริม กุนซือคนใหม่ของทีม แม้ผลงานจะยังไม่แน่นอน หลังเข้ามารับงานแทนเอริก เทน ฮากเมื่อเดือนพฤศจิกายน โดยทีมเก็บได้เพียง 2 คะแนนจาก 5 เกมหลังสุด รั้งอันดับ 14 ของตาราง ถือเป็นหนึ่งในฤดูกาลที่แย่ที่สุดของทีมในรอบกว่าครึ่งศตวรรษ

แม้อาโมริมจะยอมรับว่ายูไนเต็ดอยู่ในระดับที่ต่างจากลิเวอร์พูล แต่เขายังมองอนาคตด้วยความหวัง “ผมไม่ได้บ้า ผมรู้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในปีหน้า แต่เรากำลังสร้างบางอย่าง และสิ่งเล็กๆ ที่เราทำในปีนี้สำคัญมาก” เขากล่าว พร้อมย้ำว่าเป้าหมายสูงสุดของทีมคือการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในอนาคต

ในขณะที่การคว้าแชมป์ยูโรปา ลีกคือความหวังสุดท้ายของฤดูกาลนี้ ทั้งในแง่ของถ้วยรางวัลและการกลับไปเล่นฟุตบอลยุโรป แฟนบอลหลายคนยังมองว่ายากที่จะคว้าได้

“ผมหวังว่าโปรเจกต์สร้างทีมใหม่จะได้ผล แต่คงต้องใช้เวลาอีกหลายปี” เบลล์กล่าว “แม้แต่ถ้วยยูโรปาก็ยังเป็นเรื่องที่ห่างไกล”

เขายังเสริมว่าแม้ชื่นชอบอาโมริม แต่ก็ต้องให้เวลาเหมือนที่เฟอร์กูสันเคยใช้เวลาเกือบ 4 ปีเพื่อเปลี่ยนทีมให้กลับมายิ่งใหญ่

แฟนบอลบางคนมองว่าอาโมริมอาจต้องใช้เวลา 2-3 ปี ขณะที่บางคนประชดว่า “คงต้องใช้ตามปฏิทินยุคน้ำแข็งอีก 10 ปี”

แม้ความสำเร็จจะยังมาไม่ถึง แต่อย่างน้อย แมนฯ ยูไนเต็ดก็ยังมีความหวัง และแฟนบอลที่พร้อมอดทน เพื่อเห็นวันที่ทีมรักกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง